แนวข้อสอบ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550
1. พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 บังคับให้เมื่อใด
ก. 6 ตุลาคม 2550 ค. 6 พฤศจิกายน 2550
ข. 7 ตุลาคม 2550 ง. 7 พฤศจิกายน 2550
ตอบ ข. 7 ตุลาคม 2550
มาตรา 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ใครคือผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550
ก. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ค. พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
ข. สมัคร สุนทรเวช ง. ชวน หลีกภัย
ตอบ ก. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
3. “พรรคการเมือง” ตาม พรบ. นี้หมายความว่าอย่างไร
ก. คณะบุคคลที่รวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมือง
ข. สมาชิกพรรคการเมือง
ค. หน่วยงานที่รวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมือง
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. คณะบุคคลที่รวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมือง
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
“พรรคการเมือง” หมายความว่า คณะบุคคลที่รวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง โดยได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมุ่งที่จะส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอื่นอย่างต่อเนื่อง
4. “ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้”ตาม พรบ. นี้หมายความรวมถึงอะไรบ้าง
ก. การปลดหนี้ หรือการลดหนี้ให้เปล่า
ข. การให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย
ค. การเข้าค้ำประกันโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
“ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้” หมายความรวมถึง
(1) การปลดหนี้ หรือการลดหนี้ให้เปล่า
(2) การให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย
(3) การเข้าค้ำประกันโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม
(4) การให้ใช้สถานที่ ยานพาหนะ หรือทรัพย์สิน โดยไม่คิดค่าเช่าหรือค่าบริการหรือคิดค่าเช่าหรือค่าบริการน้อยกว่าที่คิดกับบุคคลอื่น โดยปกติทางการค้า
(5) การให้ใช้บุคลากรซึ่งมิได้เป็นลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของพรรคการเมือง โดยพรรคการเมือง หรือสมาชิกไม่ต้องชำระค่าจ้างหรือสินจ้าง หรือต้องชำระค่าจ้างหรือสินจ้างเพียงบางส่วน เว้นแต่การเป็นอาสาสมัครนอกเวลาการทำงานโดยปกติของผู้นั้น
(6) การให้ใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้บริการ หรือคิดค่าใช้บริการน้อยกว่าที่คิดกับบุคคลอื่นโดยปกติทางการค้า
(7) การให้ส่วนลดในสินค้าหรือทรัพย์สินที่จำหน่าย โดยให้ส่วนลดมากกว่าที่ให้กับบุคคลอื่นโดยปกติทางการค้า
(8) การให้เดินทางหรือให้ขนส่งบุคคลหรือสิ่งของโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือคิดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่คิดกับบุคคลอื่น โดยปกติทางการค้า
(9) การจัดเลี้ยง การจัดมหรสพ หรือการบันเทิงอื่นให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือคิดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่คิดกับบุคคลอื่น โดยปกติทางการค้า
(10) การให้บริการวิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล สถาปนิก วิศวกร กฎหมาย หรือบัญชี โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือคิดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่คิดกับบุคคลอื่น โดยปกติทางการค้า
(11) การอื่นซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกได้ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ หรือไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายซึ่งโดยปกติต้องจ่าย
การดำเนินการตาม (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) หรือ (๑๐) ซึ่งพรรคการเมืองจัดให้แก่สมาชิกและมิได้เป็นไปเพื่อการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่สมาชิก มิให้ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
5. “กองทุน”ตาม พรบ. นี้หมายความว่าอย่างไร
ก. กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
ข. กองทุนเพื่อการพัฒนาสมาชิกวุฒิสภา
ค. กองทุนเพื่อการพัฒนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ง. กองทุนเพื่อการพัฒนา กกต.
ตอบ ก. กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
“กองทุน” หมายความว่า กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
6. บุคคลใดเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ก. ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
ข. เลขาธิการกรรมการเลือกตั้ง
ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ง. กรรมการการเลือกตั้ง
ตอบ ก. ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
มาตรา 5 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้และให้มีอำนาจออกประกาศโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
7. ประธานกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจออกประกาศโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับได้เมื่อใด
ก. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. ประกาศในระเบียบการว่าด้วยเรื่องพรรคการเมือง
ค. ประกาศในข้อบังคับว่าด้วยเรื่องพรรคการเมือง
ง. มติของที่ประชุม กกต.
ตอบ ก. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 5 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้และให้มีอำนาจออกประกาศโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ประกาศตามวรรคหนึ่งเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
8. บุคคลใดที่เป็นนายทะเบียนตาม พรบ.นี้
ก. ประธานกรรมการเลือกตั้ง
ข. เลขาธิการกรรมการเลือกตั้ง
ค. คณะกรรมการเลือกตั้งที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานกรรมการเลือกตั้ง
ง. คณะกรรมการเลือกตั้ง
ตอบ ก. ประธานกรรมการเลือกตั้ง
9. หน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง ควบคุม ตรวจสอบการดำเนินงานของพรรคการเมือง และปฏิบัติงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เป็นหน้าที่ของใคร
ก. ประธานกรรมการเลือกตั้ง
ข. เลขาธิการกรรมการเลือกตั้ง
ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ง. กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
ตอบ ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
มาตรา 6 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นนายทะเบียนมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง ควบคุม ตรวจสอบการดำเนินงานของพรรคการเมือง และปฏิบัติงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
10. การจัดตั้งพรรคการเมืองผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่ากี่ปี
ก. 10 ปี ค. 7 ปี
ข. 8 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ง. 5 ปี
11. การจัดตั้งพรรคการเมืองต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี
ก. 35 ปีบริบูรณ์ ค. 20 ปีบริบูรณ์
ข. 25 ปีบริบูรณ์ ง. 18 ปีบริบูรณ์
ตอบ ง. 18 ปีบริบูรณ์
12. การรวมตัวกันดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองได้นั้นต้องมีจำนวนบุคคลกี่คนขึ้นไป
ก. 30 คน ค. 15 คน
ข. 20 คน ง. 10 คน
ตอบ ค. 15 คน
มาตรา 8 ผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดหรือผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ และไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มีจำนวนตั้งแต่สิบห้าคนขึ้นไปอาจรวมกันดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองได้
ในการจัดตั้งพรรคการเมือง ให้ผู้จัดตั้งพรรคการเมืองจัดให้มีการประชุมเพื่อกำหนดนโยบายพรรคการเมือง กำหนดข้อบังคับพรรคการเมือง และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
การประชุมตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
13. ข้อใดไม่ใช่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ก. หัวหน้าพรรคการเมือง
ข. โฆษกพรรคการเมือง
ค. เหรัญญิกพรรคการเมือง
ง. ประธานกรรมการ
ตอบ ง. ประธานกรรมการ
14. กรรมการบริหารพรรคการเมืองมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกินคราวละกี่ปี
ก. 6 ปี ค. 4 ปี
ข. 5 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ค. 4 ปี
มาตรา 11คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ประกอบด้วย หัวหน้าพรรคการเมือง รองหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง รองเลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง โฆษกพรรคการเมือง และกรรมการบริหารอื่นซึ่งเลือกตั้งจากสมาชิกผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 102 (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (13) และ (14) ของรัฐธรรมนูญ
กรรมการบริหารพรรคการเมืองมีวาระการดำรงตำแหน่งตามข้อบังคับพรรคการเมืองซึ่งต้องไม่เกินคราวละสี่ปี และอาจได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกได้
15. บุคคลใดมีหน้าที่ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียน
ก. หัวหน้าพรรคการเมือง ค. โฆษกพรรคการเมือง
ข. รองหัวหน้าพรรคการเมือง ง. เลขาธิการพรรคการเมือง
ตอบ ก. หัวหน้าพรรคการเมือง
16. ข้อใดคือสิ่งที่ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง
ก. นโยบายพรรคการเมือง
ข. ข้อบังคับพรรคการเมือง
ค. บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สินของพรรคการเมือง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 12 ให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียน โดยต้องยื่นพร้อมกับนโยบายพรรคการเมือง ข้อบังคับพรรคการเมือง บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สินของพรรคการเมือง หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นที่ทำการพรรคการเมืองซึ่งต้องอยู่ในราชอาณาจักร และสำเนารายงานการประชุมตั้งพรรคการเมือง
17. ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง และแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองทราบภายในกี่วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
ก. 60 วัน ค. 15 วัน
ข. 30 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 13 เมื่อได้รับการยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง ให้นายทะเบียนพิจารณาตรวจสอบในเรื่องดังต่อไปนี้
(4) คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11
ในกรณีที่นายทะเบียนตรวจสอบแล้วเห็นว่าการยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง และแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
18. ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองซึ่งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่รับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองของนายทะเบียน อาจยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งที่ศาลใด
ก. ศาลปกครอง ค. ศาลอาญา
ข. ศาลฎีกา ง. ศาลรัฐธรรมนูญ
ตอบ ง. ศาลรัฐธรรมนูญ
19. จากคำถามข้างต้นต้องยื่นภายในกี่วันหลังจากได้รับหนังสือแจ้งคำสั่ง
ก. 60 วัน ค. 15 วัน
ข. 30 วัน ง. 7 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 13 เมื่อได้รับการยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง ให้นายทะเบียนพิจารณาตรวจสอบในเรื่องดังต่อไปนี้
(4) คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๑
ในกรณีที่นายทะเบียนตรวจสอบแล้วเห็นว่าการยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองถูกต้องและครบถ้วน ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง และแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
ในกรณีที่นายทะเบียนตรวจสอบแล้วเห็นว่ามีรายการใดไม่เป็นไปตามวรรคหนึ่งให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งไม่รับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง และแจ้งเป็นหนังสือพร้อมทั้งเหตุผลให้ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนได้รับการยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง
ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองซึ่งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งไม่รับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองของนายทะเบียน อาจยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งตามวรรคสามต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าว
20. เอกสารจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองมีรายการไม่ครบถ้วนต้องดำเนิกแก้ไขภายในกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 7 วัน
ข. 15 วัน ง. 3 วัน
ตอบ ข. 15 วัน
มาตรา 14 ในกรณีที่นายทะเบียนตรวจสอบแล้วเห็นว่าเอกสารจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา 13 (1) มีรายการไม่ครบถ้วน หรือมีข้อความไม่ชัดเจนหรือบกพร่องให้นายทะเบียนแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่นายทะเบียนได้รับการยื่นจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากนายทะเบียน
21. บุคคลใดมีหน้าที่ต้องควบคุมไม่ให้สมาชิกกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ก. หัวหน้าพรรคการเมือง
ข. โฆษกพรรคการเมือง
ค. รองหัวหน้าพรรคการเมือง
ง. คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ตอบ ง. คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
มาตรา 18 คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าที่ต้องควบคุมไม่ให้สมาชิกกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
22. หัวหน้าพรรคการเมืองต้องแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงภานในกี่วัน
ก. ทุกๆ 7เดือน
ข. ทุกๆ 1 ปี
ค. ภายในวันที่ 7 ของทุกสามเดือน
ง. ภายในวันที่ 30 ของทุกสามเดือน
ตอบ ค. ภายในวันที่ 7 ของทุกสามเดือน
23. หัวหน้าพรรคการเมืองต้องแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงทั้งหมดในรอบปีให้นายทะเบียนทราบภายในเดือนของทุกปี
ก. เดือนมกราคม ค. เดือนพฤษภาคม
ข. เดือนธันวาคม ง. เดือนกันยายน
ตอบ ก. เดือน มกราคม
มาตรา 19 วรรค สี่ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงพร้อมด้วยรายชื่ออาชีพและที่อยู่ของสมาชิกดังกล่าว ตามวิธีการที่นายทะเบียนกำหนด ให้นายทะเบียนทราบภายในวันที่เจ็ดของทุกสามเดือน และให้สรุปยอดจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงทั้งหมดในรอบปีให้นายทะเบียนทราบภายในเดือนมกราคมของทุกปี
24. สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อใด
ก. ตาย ค. ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
ข. ลาออก ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 20 สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19
(4) พรรคการเมืองมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมืองเพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น
(5) พรรคการเมืองที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง เลิกหรือยุบไป
(6) เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรคการเมือง
(7) กระทำการอื่นตามที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง
การลาออกจากสมาชิกตามวรรคหนึ่ง (2) ให้ถือว่าสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง
25. การสมัครสมาชิกพรรคการเมืองสามารถเป็นสมาชิกได้กี่พักการเมือง
ก. 3 พรรค ค. 1 พรรค
ข. 2 พรรค ง. ไม่จำกัด
ตอบ ค. 1 พรรค
มาตรา 24 ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินหนึ่งพรรคการเมือง
26. ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองนั้นต้องดำเนินการรับสมัครสมาชิกให้มีจำนวนไม่น้อยกว่ากี่คน
ก. 50,000 คน ค. 5,000 คน
ข. 10,000 คน ง. 500 คน
ตอบ ค. 5,000 คน
มาตรา 26 ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองนั้นต้องดำเนินการรับสมัครสมาชิกให้มีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าพันคน ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีที่อยู่ในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาค และจังหวัดที่นายทะเบียนประกาศกำหนด และมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขา
27. การเรียกประชุมใหญ่พรรคการเมืองเป็นครั้งแรกต้องดำเนินการภายในกี่วัน
ก. 90 วัน ค. 30 วัน
ข. 60 วัน ง. 15 วัน
ตอบ ข. 60 วัน
28. ถ้าหัวหน้าพรรคการเมืองไม่เรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาดังกล่าวบุคคลใดที่สามารถเรียกประชุมสั่งให้หัวหน้าพรรคเรียกประชุมใหญ่ภายในกำหนด
ก. ประธานศาลปกครอง ค. ประธานศาลฎีกา
ข. นายทะเบียน ง. เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง
ตอบ ข. นายทะเบียน
มาตรา 27 เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 26 แล้ว ให้มีการเรียกประชุมใหญ่พรรคการเมืองเป็นครั้งแรกภายในหกสิบวัน ถ้าหัวหน้าพรรคการเมืองไม่เรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาดังกล่าวให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้หัวหน้าพรรคการเมืองเรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาที่กำหนด
29. ในการประชุมใหญ่พรรคการเมืองอย่างน้อยต้องพิจารณาเรื่องใด
ก. การทบทวนนโยบายพรรคการเมืองที่ได้จดแจ้งไว้
ข. การทบทวนข้อบังคับพรรคการเมืองที่ได้จดแจ้งไว้
ค. การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองแทนคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
30. การลงมติในที่ประชุมใหญ่ในเรื่องใดให้ลงคะแนนลับ
ก. การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองแทนคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ข. การเลือกตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง คณะกรรมการนโยบายพรรคการเมือง
ค. การเลือกตั้งคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรคการเมือง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 27 เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 26 แล้ว ให้มีการเรียกประชุมใหญ่พรรคการเมืองเป็นครั้งแรกภายในหกสิบวัน ถ้าหัวหน้าพรรคการเมืองไม่เรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาดังกล่าวให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้หัวหน้าพรรคการเมืองเรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาที่กำหนด
ในการประชุมใหญ่พรรคการเมืองตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
(1) การทบทวนนโยบายพรรคการเมืองที่ได้จดแจ้งไว้
(2) การทบทวนข้อบังคับพรรคการเมืองที่ได้จดแจ้งไว้
(3) การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองแทนคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามมาตรา 8 วรรคสอง
(4) การเลือกตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง คณะกรรมการนโยบายพรรคการเมือง และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรคการเมือง
(5) เรื่องอื่นที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามมาตรา 11 ประธานสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี่สาขา หรือตัวแทนสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าร้อยคน
การลงมติในที่ประชุมใหญ่ตาม (3) และ (4) ให้ลงคะแนนลับ
31. เรื่องอื่นที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามมาตรา 11 ประธานสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี่สาขาหรือตัวแทนสมาชิกไม่น้อยกว่ากี่คน
ก. 600 คน ค. 400 คน
ข. 500 คน ง. 300 คน
ตอบ ข. 500 คน
มาตรา 27
(5) เรื่องอื่นที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามมาตรา 11 ประธานสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี่สาขา หรือตัวแทนสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าร้อยคน
32. พรรคการเมืองต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่อย่างน้อยปีละกี่ครั้ง
ก. 3 ครั้ง ค. 1 ครั้ง
ข. 2 ครั้ง ง. ตามที่เห็นสมควร
ตอบ ค. 1 ครั้ง
มาตรา 28 พรรคการเมืองต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
33. การดำเนินกิจการดังข้อใดต่อไปนี้ให้กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง
ก. การเปลี่ยนแปลงนโยบายพรรคการเมือง
ข. การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคการเมือง
ค. การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและการรับรองงบการเงินประจำปีของพรรคการเมือง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 28พรรคการเมืองต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
การดำเนินกิจการดังต่อไปนี้ให้กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง
(1) การเปลี่ยนแปลงนโยบายพรรคการเมือง
(2) การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคการเมือง
(3) การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมือง รองหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง รองเลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง โฆษกพรรคการเมือง และกรรมการบริหารอื่นของพรรคการเมือง
(4) การเลือกตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง คณะกรรมการนโยบายพรรคการเมือง และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรคการเมือง
(5) รายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองที่ได้ดำเนินการไปในรอบปีที่ผ่านมา
(6) แผนการดำเนินการสำหรับปีต่อไป โดยเฉพาะการหารายได้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมือง และการพัฒนาบุคลากรทางการเมือง
(7) การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและการรับรองงบการเงินประจำปีของพรรคการเมือง
(8) กิจการที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ประธานสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี่สาขา หรือตัวแทนสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าห้าร้อยคน
(9) กิจการอื่นตามที่กำหนดในประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(10) กิจการอื่นตามที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง
34. องค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ต้องประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้งหมด จำนวนสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนสมาชิก จำนวนรวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่ากี่คน
ก. 500 คน ค. 200 คน
ข. 400 คน ง. 100 คน
ตอบ ค. 200 คน
มาตรา 29 องค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ให้เป็นไปตามที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมืองซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้งหมด ผู้แทนของสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนสมาชิก ทั้งนี้ มีจำนวนรวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่าสองร้อยคน
35. กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้งคณะหรือบางคน ออกจากตำแหน่ง ผู้นั้นไม่มีสิทธิเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองอีกเมื่อพ้นกี่ปีหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง
ก. 5 ปี ค. 2 ปี
ข. 3 ปี ง. 1 ปี
ตอบ ค. 2 ปี
มาตรา 31 วรรคท้ายในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้งคณะหรือบางคนออกจากตำแหน่งผู้นั้นไม่มีสิทธิเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองอีกเว้นแต่จะพ้นกำหนดสองปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง
36. ในการเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง ออกจากตำแหน่งได้ต้องมีสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่ากี่คน
ก. ไม่น้อยกว่า10,000 คน
ข. ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่
ค. ไม่น้อยกว่า 5,000 คน
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง.ถูกทั้ง ก และ ข
37. กรณีนี้ ร้องขอให้ถอดถอนหัวหน้าพรรคการเมือง ให้จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคการเมืองภายในกี่วันนับแต่วันที่มีคำร้องขอ
ก. 60 วัน ค. 20 วัน
ข. 30 วัน ง. 15 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
มาตรา 32 สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ หรือไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคน แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่ากัน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง ออกจากตำแหน่งได้ในกรณีนี้ ให้จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคการเมืองภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คำร้องขอไปถึงพรรคการเมือง
38. มติให้ถอดถอนต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าเท่าไหร่ของจำนวนผู้ที่เข้าประชุมใหญ่วิสามัญ โดยให้ลงคะแนนลับ
ก. 3 ใน 5 ค. 1 ใน 3
ข. 4 ใน 10 ง. 4 ใน 5
ตอบ ก. 3 ใน 5
มาตรา 32 วรรค สองมติให้ถอดถอนตามวรรคหนึ่งต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนผู้ที่เข้าประชุมใหญ่วิสามัญ โดยให้ลงคะแนนลับ
39. การถอดถอนจะกระทำไม่ได้ต่อบุคคลใด
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรี
ข. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 32 วรรคท้ายการดำเนินการตามมาตรานี้ให้กระทำได้เพียงครั้งเดียวในวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง แต่ในกรณีที่หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การถอดถอนผู้นั้นตามมาตรานี้จะกระทำมิได้
40. ข้อใดไม่ใช่บัญชีของพรรคการเมืองและบัญชีของสาขาพรรคการเมือง
ก. บัญชีรายวันแสดงรายได้หรือรายรับ และแสดงค่าใช้จ่ายหรือรายจ่าย
ข. บัญชีแสดงรายรับจากการบริจาค
ค. บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน
ง. บัญชีรายรับจากการออกงาน
ตอบ ง. บัญชีรายรับจากการออกงาน
41. บัญชีใดต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่รายการนั้นเกิดขึ้น
ก. บัญชีรายรับจากการออกงาน
ข. บัญชีแสดงรายรับจากการบริจาค
ค. บัญชีแยกประเภท
ง. บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน
ตอบ ข. บัญชีแสดงรายรับจากการบริจาค
42. บัญชีใดต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่รายการนั้นเกิดขึ้น
ก. บัญชีแยกประเภท
ข. บัญชีรายวันแสดงรายได้หรือรายรับ และแสดงค่าใช้จ่ายหรือรายจ่าย
ค. บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ค
มาตรา 45 บัญชีของพรรคการเมืองและบัญชีของสาขาพรรคการเมืองประกอบด้วย
(1) บัญชีรายวันแสดงรายได้หรือรายรับ และแสดงค่าใช้จ่ายหรือรายจ่าย
(2) บัญชีแสดงรายรับจากการบริจาคตามมาตรา ๖๒
(3) บัญชีแยกประเภท
(4) บัญชีแสดงสินทรัพย์และหนี้สิน
การลงรายการบัญชีต้องมีเอกสารประกอบการลงบัญชีที่ถูกต้องสมบูรณ์โดยครบถ้วน
บัญชีตาม (1) และ (2) ต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่รายการนั้นเกิดขึ้น
บัญชีตาม (3) และ (4) ต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่รายการนั้นเกิดขึ้น
43. ให้หัวหน้าพรรคการเมืองเสนองบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองแล้วต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติภายในเดือนใดของทุกปี
ก. มกราคม ค. พฤษภาคม
ข. เมษายน ง. ธันวาคม
ตอบ ข. เมษายน
มาตรา 47 ให้หัวหน้าพรรคการเมืองเสนองบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองแล้วต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองอนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี โดยแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า และปิดประกาศไว้ ณ ที่ตั้งสำนักงานของพรรคการเมืองและสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
44. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับรายได้และทรัพย์สินที่พรรคการเมืองได้รับตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ก. ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร
ข. ได้เสียภาษีเพียงครึ่งหนึ่งที่ต้องจ่ายตามประมวลรัษฎากร
ค. ได้เสียภาษีตามจำนวนที่ต้องจ่ายตามประมวลรัษฎากร
ง. ได้เสียภาษีในอัตราที่เกินกว่าบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
ตอบ ก. ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร
มาตรา 48 รายได้และทรัพย์สินที่พรรคการเมืองได้รับตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร
45. ข้อใดไม่ใช่รายได้ของพรรคการเมือง
ก. เงินจากการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ข. เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง
ค. เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ที่ได้จากการบริจาคแก่พรรคการเมือง
ง. เงินอุดหนุนจากกองทุน
ตอบ ก. เงินจากการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 53 พรรคการเมืองอาจมีรายได้ ดังต่อไปนี้
(1) เงินค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองตามที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง
(2) เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง
(3) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ที่ได้จากการจัดกิจกรรมหาทุนของพรรคการเมือง
(4) เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ที่ได้จากการบริจาคแก่พรรคการเมือง
(5) เงินอุดหนุนจากกองทุน
(6) ดอกผลของเงินและรายได้จากทรัพย์สินของพรรคการเมือง
(7) รายได้อื่น
การหารายได้ตาม (2) และ (7) ให้เป็นไปตามที่นายทะเบียน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด
46. การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่กี่บาทขึ้นไป ให้กระทำโดยเปิดเผยชื่อผู้บริจาคและสามารถตรวจสอบได้
ก. 10,000 บาท ค. 1,000 บาท
ข. 50,000 บาท ง. 500 บาท
ตอบ ค. 1,000 บาท
มาตรา 56 ภายใต้บังคับมาตรา 54 วรรคสาม การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป ให้กระทำโดยเปิดเผยชื่อผู้บริจาคและสามารถตรวจสอบได้
47. ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลบริจาคให้แก่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเกินกว่ากี่บาทต่อปี
ก. 50 ล้านบาท ค. 10 ล้านบาท
ข. 20 ล้านบาท ง. 5 ล้านบาท
ตอบ ค. 10 ล้านบาท
มาตรา 59 ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลบริจาคให้แก่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเกินกว่าสิบล้านบาทต่อปี
48. พรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองด้วยเหตุใด
ก. ไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปสองครั้งติดต่อกัน หรือเป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน สุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากัน
ข. มีจำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงห้าพันคน เป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี
ค. ไม่มีการเรียกประชุมใหญ่พรรคการเมือง หรือไม่มีการดำเนินกิจกรรมใดทางการเมืองเป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี โดยมิได้มีเหตุอันสมควรอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 91 พรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ไม่สามารถดำเนินการตามมาตรา ๒๖ ได้ ภายในเวลาที่กำหนด
(2) ไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปสองครั้งติดต่อกัน หรือเป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน สุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากัน
(3) มีจำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงห้าพันคน เป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี
(4) ไม่มีการเรียกประชุมใหญ่พรรคการเมือง หรือไม่มีการดำเนินกิจกรรมใดทางการเมืองเป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี โดยมิได้มีเหตุอันสมควรอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
49. เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งเลิกพรรคการเมืองใดแล้วให้นายทะเบียนประกาศคำสั่งเลิกพรรคการเมืองในที่ใด
ก. ประกาศในระเบียบการของพรรคการเมือง
ข. ประกาศในคำสั่งของพรรคการเมือง
ค. ประกาศใน พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550
ง. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ง. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 92 วรรคท้ายเมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งเลิกพรรคการเมืองใดตามวรรคสองแล้ว ให้นายทะเบียนประกาศคำสั่งเลิกพรรคการเมืองในราชกิจจานุเบกษา
50. พรรคการเมืองหรือผู้ใดสมคบ รู้เห็นเป็นใจ หรือสนับสนุนให้บุคคลใดดำเนินการใด เพื่อให้บุคคลอื่นหรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลงเชื่อหรือเข้าใจว่าพรรคการเมืองอื่นหรือบุคคลใดกระทำความผิดโดยปราศจากมูลความจริงให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดกี่ปี
ก. 5 ปี ค. 3 ปี
ข. 4 ปี ง. 1 ปี
ตอบ ก. 5 ปี
มาตรา 104 พรรคการเมืองหรือผู้ใดสมคบ รู้เห็นเป็นใจ หรือสนับสนุนให้บุคคลใดดำเนินการใด เพื่อให้บุคคลอื่นหรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลงเชื่อหรือเข้าใจว่าพรรคการเมืองอื่นหรือบุคคลใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้โดยปราศจากมูลความจริงต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดดังกล่าว
พรรคการเมืองหรือผู้ใดสมคบ รู้เห็นเป็นใจ หรือสนับสนุนให้บุคคลใดดำเนินการใดเพื่อกลั่นแกล้งพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการสาขาพรรคการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง โดยปราศจากมูลความจริง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีพรรคการเมืองเป็นผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองให้ยุบพรรคการเมืองนั้นในกรณีที่บุคคลกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี